กัญชาทางการแพทย์ คุณทราบหรือไม่ว่ามีพืชและพันธุ์ไม้หลายชนิด ที่ไม่ได้สวยงามแต่เพียงรูปร่างภายนอก แต่ภายในพืชนั้นๆมีสารสำคัญบางอย่างที่มนุษย์ได้ค้นพบแล้วกลายเป็นยาที่มีคุณประโยชน์ เช่น ยาMetformin(เมทฟอร์มิน)ซึ่งเป็นยาสำหรับรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งปัจจุบันแพทย์จะใช้เป็นยาตัวแรกที่ใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน ยาแก้ไอ และยาแก้ปวดอย่างแรงที่ชื่อว่าMorphine(มอร์ฟีน) กัญชาทางการแพทย์ ก็สกัดมาจากฝิ่นซึ่งเป็นพืชที่ถูกจัดให้อยู่ในยาเสพติดให้โทษ
กัญชา เป็นหนึ่งในพืชที่มีสารสำคัญอยู่ภายใน มนุษย์รู้จักพืชชนิดนี้นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยากันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหนึ่ง ต่อมาเมื่อกัญชาถูกควบคุมให้เป็นยาเสพติดจึงถูกระงับการใช้ในวงการแพทย์ไป แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยใช้เป็นยารักษาอาการบางอย่างด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านอยู่ จนเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์ ได้มาไขปริศนาจนเกิดเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์สมัยใหม่จน กัญชากลับมาเป็นพืชที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง รวมถึงในประเทศไทยได้อนุญาตให้ ปลูกและนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ และปลดล๊อคให้บางส่วนของกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป hotspotdesigner
กัญชาคืออะไร
“กัญชา”หรือต้นกัญชาเป็นพืชล้มลุกชนิด Cannabis sativa L.ในวงศ์ Cannabaceae มีขนาดลำต้นสูงไม่เกิน2 เมตร ใบมีแฉกลึกเข้าไปทางก้านหลายแฉกแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ดอกสีเขียว ใบและช่อดอกเพศเมียที่แห้งเรียก กะหรี่กัญชา เดิมใช้สูบปนกับยาสูบ มีสรรพคุณทำให้มึนเมา WBET69 รวมถึงภาวะเคลิ้มสุข ความผ่อนคลายและความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ผลข้างเคียงไม่พึงปรารถนาบางครั้งทำให้การคิดการตัดสินใจ ความจำระยะสั้นลดลง ทักษะการเคลื่อนไหวบกพร่อง และรู้สึกหวาดระแวงหรือวิตกกังวล
สารในกัญชาที่นำไปใช้ในวงการแพทย์
สารในกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ ส่วนใหญ่นิยมใช้ช่อดอก เนื่องจากมีสารสำคัญที่สามารถนำมาสกัดอยู่ในปริมาณมากกว่าส่วนอื่นๆโดยเลือกเก็บและสกัดสารสำคัญจากดอกกัญชาตัวเมียที่ไม่ถูกผสม เมื่อออกดอกเติบโตจะมีไตรโคม(Trichomes) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของต้นกัญชาที่สะสมสารสำคัญของกัญชาประกอบด้วย THC, CBD และสารอื่นๆ อีกกว่า 400ชนิด รวมไปถึงการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง จากสายพันธุ์ลูกผสมที่มีสารทีเอชซี (THC) และสารซีบีดี (CBD) เด่น และได้มาตรฐานทางการแพทย์ที่นานาชาติให้การการยอมรับ จะใช้กรรมวิธีการสกัดให้ได้ปริมาณสารสำคัญเป็นไปตามที่ต้องการและสม่ำเสมอ ,ปราศจากเชื้อก่อโรค,ยาฆ่าแมลง และปราศจากการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก
อย่างไรก็ตาม การเก็บเกี่ยวจะมีการตรวจสอบสีของไตรโคมด้วยแว่นขยายไม่น้อยกว่า 100เท่า เพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำ โทษของกัญชา จากนั้นนำไปผึ่งให้แห้งภายในห้องสะอาดที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นที่เหมาะสมและนำมาสกัดตามกระบวนการจนเหลือเป็นน้ำมันที่มีความใสไม่มีตะกอน ไม่มีคลอโรฟิลล์ โดยนำมาเจือจางและผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นที่ทราบความเข้มข้นของสารสกัด THCและCBD ระดับหน่วยเป็นmg/ml เพื่อให้แพทย์สามารถคำนวณเป็นโดสหรือปริมาณการใช้กับผู้ป่วยแต่ละรายและแต่ละโรคได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลต่อการรักษา
น้ำมันกัญชาจะอยู่ในรูปแบบของน้ำมันหยดใต้ลิ้นสำหรับหยดใต้ลิ้น(Sublingual Drop) เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์เร็วขึ้นและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าการให้ยาในรูปแบบแคปซูลรับประทานอีกทั้งยังสามารถเจือจางความเข้มข้นของยาได้ตามความต้องการของแพทย์ผู้สั่งจ่ายและโรคที่นำไปใช้รักษา
ประโยชน์ กัญชา ใช้รักษาโรคและอาการต่างๆดังนี้
- ภาวะคลื่นไส้อาเจียน ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
- โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา
- ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- ภาวะอาการปวดเรื้อรัง ปวดประสาทส่วนกลาง ที่ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล
- ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ที่มีน้ำหนักตัวน้อย
- เพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง
และสืบเนื่องมาจากในปัจจุบันนี้วงการกัญชาถูกเป็นที่จับตามองว่าสามารถใช้เป็นส่วนผสมใน ผลิตภัณฑ์อาหาร รวมไปถึงกระบวนการผลิตยารักษาโรคต่างๆ 5 ตำรับยากัญชาแผนไทยก็ ถูกปลด ออกจากบัญชีตำรับยาเสพติดด้วย จุดประสงค์ก็เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ
ตำหรับที่ 1 ยาศุขไสยาศน์ สรรพคุณช่วยให้นอนหลับและเจริญอาหาร ลดความวิตกกังวล อาการตื่นกลัว เมื่อเกิดความผ่อนคลายก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น ยาตำรับนี้ประกอบไปด้วยตัวยา 12ชนิด ได้แก่ การบูร,ใบสะเดา,หัสคุณเทศ,สมุลแว้ง,เทียนดำ,โกฐกระดูก,ลูกจันทน์,ดอกบุนนาค,พริกไทย,ขิงแห้ง, ดีปลีและใบกัญชา แต่การใช้ยาจะต้องอยู่ในความดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยในการรักษา ทั้งนี้ตำรับยานี้ยังช่วยให้เพิ่มความอยากอาหารมากยิ่งขึ้นด้วย
ตำหรับ ที่2 สรรพคุณเป็นยาแก้นอนไม่หลับแก้ไข้ผอมเหลือง ไข้ที่มีอาการสั่น เสียงสั่น อ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง (ไข้ผอมเหลือง เกิดจากธาตุลมกำเริบส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ เบื่ออาหาร เมื่อเป็นเรื้อรัง ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ซีด เหลือง อ่อนเพลียและไม่มีกำลัง)กัญชาทางการแพทย์ โดยในยาตำรับนี้ประกอบไปด้วยตัวยาทั้งหมด 8 ชนิด คือ ใบกัญชา, ใบคนทีเขมา, ใบสะเดา, จันทร์ขาว, จันทร์แดง, ขิงแดง, พริกไทล่อนและดีปลี
ตำหรับที่ 3 มีสรรพคุณแก้ลมแก้เส้น บรรเทาอาการมือเท้าชาอ่อนแรงในเส้นที่มีความผิดปกติและส่งผลให้มีอาการปวดหรือชาตามเส้นต่างๆ ในร่างกายยาตำรับแก้ลมแก้เส้นประกอบด้วยตัวยา 7 ชนิด คือ เทียนขาว, เทียนดำ, เทียนข้าวเปลือก, ขิง, เจตมูลเพลิงแดง, พริกไทย และกัญชา
ตำหรับที่4 มีสรรพคุณเป็นยาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง ช่วยแก้กลุ่มอาการผื่นคัน ผื่นภูมิแพ้ แผลสะเก็ดเงิน รวมไปถึงอาการของริดสีดวงทวารอีกด้วย โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นในกัญชาสามารถลดอาการคัน บรรเทาอาการเจ็บปวด และลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคผิวหนังและโรคริดสีดวงทวารหนักได้ยาตำรับที่ 4 นี้ประกอบไปด้วย ขมิ้นชัน, น้ำมันเมล็ดฝ้ายและใบกัญชา
ตำหรับที่5 ยาแก้โรคจิต สรรพคุณใช้สำหรับรักษาภาวะเครียด กังวล และส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ทั้งนี้คำว่า “ยาแก้โรคจิต” ไม่ได้มีความหมายทางการแพทย์แผนปัจจุบัน (โรคจิตและไบโพล่า) แต่อย่างใดประกอบไปด้วยตัวยา 14 ชนิด อันประกอบไปด้วยเปลือกกุ่มน้ำ,เปลือกมะรุม,แห้วหมู,เปล้าน้อย,เปล้าใหญ่, รางแดง, จันทน์เทศ, เปลือกมะตูม,ก้านกัญชา,บอระเพ็ด, เปลือกโมกมัน,หญ้าชันกาด, สนเทศและระย่อม
กัญชาใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
การใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่ผู้ใช้ควรพึงทราบคือ หลังจากการใช้สารสกัดกัญชาแล้วจะมี อาการง่วงซึม ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ ไม่ควรทำงานกับเครื่องจักรกล หากท่านมีอาการเวียนศีรษะ ร่างกายเสียความสมดุล หัวใจเต้นเร็วหรือช้าลง และความดันโลหิตผิดปกติ(อาจสูง/ต่ำกว่าปกติได้) ควรลดปริมาณการใช้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นอาการสับสน กระวนกระวาย วิตกกังวลประสาทหลอน รวมถึงหากใช้แล้วเกิดอาการแพ้ เช่น มีผื่นขึ้น หน้าบวม ตาบวม ริมฝีปากบวม ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที
นอกจากนี้ การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ยังมีข้อห้ามใช้ในบางกรณี ได้แก่
- มีประวัติแพ้สารสกัดจากกัญชา
- หญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตรหญิงที่วางแผนในการมีบุตร
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด มีความผิดปกติของตับและไตที่รุนแรง
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท โรคจิตจากสารเสพติดโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงในการทำร้ายตนเอง
- ผู้ที่ติดสารเสพติดรวมไปถึงนิโคตินหรือติดสุราอย่างหนัก
นอกจากการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ยังคงมีกระบวนการก้าวหน้าขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านสกัดเป็นยารักษาโรครวมไปถึงการแปรรูปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และการปรุงอาหาร
ปัจจุบันกัญชาทางการแพทย์ออกสู่ตลาดเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น เช่นโรงพยาบาลยันฮี ซึ่งถือเป็นแหล่งการแพทย์นำร่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในการรักษา โดยใช้ส่วนของรากและลำต้นซึ่งมีสารเสพติดน้อย นำมาสกัดเป็นยารักษาไม่ว่าจะเป็น
1. รักษาโดยการหยดใต้ลิ้นซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหารและฟื้นฟูกำลังผู้ป่วยเรื้อรัง
2. รักษาโดยการนวดด้วยน้ำมันกัญชา เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย รวมไปถึงแก้อาการปวดศีรษะเรื้อรังและไมเกรน
นอกจากนี้ยังมีสารประกอบที่เป็นตัวสำคัญอีก คือสารCannabidiol(CBD) ซึ่งจะพบได้ในช่อดอกไปจนถึงราก โดยเฉพาะรากและลำต้นจะเป็นส่วนสำคัญในการดูดซึมอาหารทำให้ใบและดอกเจริญเติบโต ในรากจะมีสารตั้งต้นก่อนที่จะเป็นสารแคนาบินอยด์ ดังนั้นจึงไม่มีฤทธิ์มึนเมาใดๆ มีคุณสมบัติช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับลดอาการคลื่นไส้อาเจียน กระตุ้นให้อยากอาหารและช่วยลดอาการปวด
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับบริการ
ผู้ที่มีอายุ 18ปีขึ้นไป
- ไม่มีประวัติแพ้กัญชา/สารประกอบอื่นในผลิตภัณฑ์กัญชา
- ไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ วางแผนการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่มีประวัติการป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ไม่เป็นผู้ป่วยจิตเภทรุนแรง
- ไม่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด(กรณีนวดน้ำมันกัญชา)
ข้อควรระวังอื่นๆ
ใช้ร่วมกับยาโรคประจำตัวบางอย่าง
การสั่งใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาที่มี THC เป็นส่วนประกอบในผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า25ปี เนื่องจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสมองที่กำลังพัฒนาได้ ดังนั้น ผู้สั่งใช้ควรวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนการสั่ง ใช้ผลิตภัณฑ์จากกัญชา
ผู้ที่เป็นโรคตับ
ผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด รวมถึงนิโคติน หรือเป็นผู้ดื่มสุราอย่างหนัก
การใช้กัญชาทางการแพทย์ถือเป็นยาใหม่และไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ดังนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวังควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ น้ำมันกัญชารักษาโรคอะไรได้บ้าง Pantip ให้ครบถ้วนอย่างเข้าใจ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินภาวะสุขภาพเบื้องต้นคัดกรองข้อห้ามและข้อควรระวังต่างๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ใส่ความเห็น