วิธีทำวุ้นกะทิ หนึ่งในขนมไทยยอดนิยมจะต้องมี “วุ้นกะทิ” อยู่แน่นอน ซึ่งสมัยนี้มีการปรับสูตรเพิ่มนู่นเพิ่มนี่ ทำหน้าตาให้น่ารับประทานมากขึ้น เช่น ทำเป็นรูปดอกไม้ หรือรูปสัตว์ต่างๆ หรือมีการเพิ่มเนื้อสัมผัสด้วยการใส่ส่วนผสมอื่นๆ เช่น มะพร้าวอ่อน ทำให้ขนมไทยเป็นขนมที่มีสูตรไม่ตายตัว ใครอยากทานแบบไหนก็สามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ตามใจชอบ
แต่เชื่อว่าก็คงมีหลายคนที่อยากลองทานรสชาติแบบดั้งเดิมดูบ้าง WBET69 จึงมาพร้อมกับสูตร และ “วิธีทำวุ้นกะทิสูตรดั้งเดิม” ที่ทำตามนี้รับรองว่าได้ผลอร่อยถูกใจแน่นอน
วุ้นกะทิมีที่มายังไง รสชาติแบบไหนคือสูตรดั้งเดิม?
ก่อนที่เราจะไปถึงวิธีทำวุ้นกะทิ อยากพามารู้จักที่มาที่ไปของวุ้นกะทิที่เราชอบรับประทานกันค่ะ
ความละเอียดอ่อน ประณีตของขนมไทยผ่านมากี่ยุคก็ยังคงเป็นที่เลื่องลือ เพราะได้รับใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนวิธีการทำ ซึ่งในสมัยก่อน “วุ้นกะทิ” คือหนึ่งในขนมไทยชาววังด้วย เพราะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดย “ท้าวทองกีบม้า” เป็นคนเชื้อชาติญี่ปุ่น-โปรตุเกสที่นำเอาขนมจากโปรตุเกสมาดัดแปลงปรับนู่น ปรับนี่จนกลายเป็นขนมชาววัง จนสมัยอยุธยานี่นับเป็นยุคที่ขนมไทยรุ่งเรืองมากๆ เพราะทั้งฝีมือของคนสมัยก่อน และความละเอียดละไม จนกลายเป็นตำนานของ “วุ้นชาววัง”
ซึ่งวุ้นชาววังนี้เองคือที่มาของวุ้นกะทิ โดยนอกจากวุ้นกะทิแล้วยังมีวุ้นชาววังประเภทอื่นๆ อีก เช่น วุ้นมะพร้าว วุ้นสังขยา เป็นต้น และเมื่อเวลาผ่านไปก็วุ้นประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมายจากการดัดแปลง และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยนั่นเองค่ะ
มาเริ่มต้นทำวุ้นกะทิสูตรดั้งเดิมกันเลย
วิธีทำวุ้นกะทิ ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมกะทิ
กะทิเป็นหัวใจสำคัญในวิธีทำวุ้นกะทิ เราจึงแนะนำให้ใช้กะทิที่ทำจากมะพร้าวขูด และจะใช้หัวกะทิแบบคั้นสด เพราะจะทำให้ได้วุ้นสีขาวสะอาดดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น พร้อมกับจะให้รสชาติของวุ้นหวานมันกลมกล่อม และให้กลิ่นหอมกะทิมากกว่ากะทิแบบกล่อง แต่หากว่าใครไม่สะดวกคั้นหัวกะทิเอง ก็สามารถเลือกซื้อกะทิแบบกล่องมาใช้แทนได้นะคะ
ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากกะทิได้แก่
1.กะทิมีส่วนช่วยทำให้เราย่อยง่าย เพราะร่างกายของเราสามารถนำไปเผาผลาญ เพื่อให้ร่างกายนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว
2.มีส่วนช่วยในการลดการสะสมของไขมัน ถึงแม้ว่าใครจะรู้สึกว่ากะทิทานแล้วจะต้องอ้วนแน่นอน.. ทานแล้วจะต้องไม่ดีต่อร่างกาย แต่จะบอกว่ากะทิเองมีส่วนช่วยในการดึงไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่สะสมเอาไว้ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ด้วย
3.กะทิมีส่วนช่วยในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ เพราะในกะทิมีกรดลอริค
4.กะทิมีแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด ที่จะช่วยทั้งต่อสุขภาพร่างกาย และช่วยบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย
แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ก็แนะนำให้ทานแบบพอดี เพราะทานมากไปก็กลายเป็นโทษต่อร่างกายได้เช่นเดียวกันค่ะ
วิธีทำวุ้นกะทิขั้นตอนที่ 2 : เตรียมวัตถุดิบ
เริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับวิธีทำวุ้นกะทิ เราจะแนะนำสูตรสำหรับขนาดถาด 11×11 ซม. ความลึกประมาณ 1 นิ้ว หากใครมีขนาดของแม่พิมพ์ไซส์อื่นก็สามารถปรับสูตรเองได้เลยค่ะ
- กะทิ 2 กิโลกรัม
- น้ำเปล่า 300 กรัม
- ผงวุ้นตรานางเงือก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 600 กรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
ความพิถีพิถันเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วิธีทำวุ้นกะทิของเราดูน่าประทานมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าดูเผินๆ จะเป็นวัตถุดิบธรรมดาที่สามารถหาได้ง่ายในบ้าน แต่รู้ไหมว่าวัตถุดิบเหล่านี้ไม่เหมือนกัน แค่เพียงหยิบต่างกันเพียงนิดเดียว ก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันได้แล้ว
เคล็ดลับการเตรียมวัตถุดิบฉบับวุ้นตรานางเงือก
น้ำตาลแบบไหนให้วุ้นกะทิอร่อย?
น้ำตาลมีทั้งน้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลมะพร้าว โดยสำหรับวิธีทำวุ้นกะทิ จะนิยมใช้น้ำตาลทรายมากกว่า เพราะจะทำให้ตัววุ้นดูมีสีขาวใสสะอาด แต่หากใครต้องการเพิ่มสีสันให้กับวุ้นกะทิของคุณอยู่แล้ว ก็สามารถเลือกใช้น้ำตาลมะพร้าวก็ได้ เพราะจะให้ความหอมที่มากกว่าน้ำตาลทรายขาว
ผงวุ้นใช้แบบไหนดี?
วัตถุดิบสำคัญที่สุดในวิธีทำวุ้นกะทิไม่ต่างจากกะทิเลย เพราะเป็นส่วนที่จะทำให้วุ้นของเราเซ็ตตัวกลายเป็นวุ้นรสชาติอร่อยนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันถึงแม้จะมีผงวุ้นให้เลือกหลากหลาย โดยเราขอแนะนำผงวุ้นตรานางเงือกซึ่งเหมาะกับการใช้ทำวุ้นกะทิค่ะ
น้ำเปล่า
น้ำเปล่าที่ไม่ใช่แค่น้ำธรรมดา เพราะนอกจากจะต้องเป็นน้ำสะอาดที่สามารถใช้ทานได้แล้ว สำหรับใครที่อยากให้วุ้นของคุณมีกลิ่นหอม อาจจะใช้น้ำที่ลอยดอกมะลิก็ได้ค่ะ
วิธีทำวุ้นกะทิขั้นตอนที่ 3 : เริ่มทำวุ้นกะทิ
- นำกะทิเทใส่ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำเปล่า 300 กรัม และผงวุ้นตรานางเงือก 3 ช้อนโต๊ะ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน พร้อมกับแช่พักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ผงวุ้นอิ่มน้ำ ซึ่งการแช่ทิ้งไว้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเพราะเมื่อวุ้นอิ่มน้ำ และผงวุ้นละลายหมดไม่เหลือผงวุ้นแล้ว จะทำให้วุ้นไม่เกิดการคายน้ำภายหลัง (การคายน้ำคือการที่วุ้นมีเม็ดน้ำคล้ายเหงื่อออกมาตามตัววุ้น)
- วิธีทำวุ้นกะทิขั้นตอนถัดไปให้นำหม้อกะทิขึ้นต้มตั้งไฟกลาง แล้วใช้ทัพพี หรือตะหลิวคนจนถึงก้นหม้อ เพื่อไม่ให้ผงวุ้นติดก้นหม้อ และเพื่อให้ผงวุ้นละลายได้รวดเร็วขึ้น ที่สำคัญให้เช็คทัพพีดูว่ามีผงวุ้นติดมาหรือไม่ หากมีให้คนต่อจนไม่มีผงวุ้นติดขึ้นมา จึงจะสามารถใช้งานได้
- เมื่อมั่นใจว่าผงวุ้นละลายดีแล้ว ให้ใส่น้ำตาลทราย 600 กรัม ตามด้วยเกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา ซึ่งในขั้นตอนนี้ทุกคนสามารถปรับเพิ่ม หรือลดความหวานจากน้ำตาล และความเค็มของเกลือลงได้ตามใจชอบเลย จากนั้นคนจนน้ำตาล และเกลือให้ละลายดีหมด รอจนน้ำเดือดขึ้นมาอีกครั้งจึงปิดเตาไฟได้
- เมื่อนำยกลงจากเตาแล้วสามารถนำไปเทใส่ถาดของเราที่เตรียมเอาไว้ได้เลย
- วิธีทำวุ้นกะทิขั้นตอนถัดไป หากเทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านหน้าของวุ้นมีฟองผุดขึ้นมา สามารถตักออกได้เลย เพราะตัวฟองเหล่านี้จะทำให้หน้าวุ้นของเราไม่เนียนเรียบสวย
- เมื่อเทวุ้นลงถาดเสร็จแล้วให้พักทิ้งไว้ รอจนวุ้นเซ็ตตัวดี หรือหากใครรีบให้รอจนถาดวุ้นหายร้อนแล้วสามารถนำเข้าตู้เย็นได้เลย เพื่อจะช่วยย่นระยะเวลาในการเซ็ตตัวได้เร็วขึ้น
- วิธีทำวุ้นกะทิขั้นตอนสุดท้าย หลังจากวุ้นเซ็ตตัวดีแล้ว สามารถนำออกมาตัดเสิร์ฟได้เลย สำหรับถาดขนาด 11×11 แนะให้ตัดแบ่งออกเป็นแถวละ 5 ชิ้น รวมแล้วทั้งหมดจะได้ 25 ชิ้นพร้อมเสิร์ฟ
บอกเลยว่าวิธีทำวุ้นกะทิสูตรดั้งเดิมทำไม่ยากเลย เพราะไม่แตกต่างจากวิธีการทำวุ้นปกติทั่วไป แต่เชื่อเลยว่าจะมีความพิถีพิถันใส่ใจในวัตถุดิบหลักที่มากขึ้น อย่างการเลือกกะทิและผงวุ้นที่เป็นหัวใจสำคัญ
วุ้นกะทิรสชาติแบบไหนคือรสชาติดั้งเดิม?
หลายคนน่าจะสงสัยว่าแล้ววุ้นแบบไหนคือวุ้นรสชาติแบบดั้งเดิม ก็คงต้องบอกว่ารสชาติของวุ้นมีการปรับเปลี่ยนไปตามรสชาติของคนทำอยู่แล้ว แต่รสชาติของวุ้นกะทิที่อร่อยถูกใจคนหมู่มากก็มักจะ
-มีทั้งความหวานมันพอดี
-ไม่หวานจนรสชาติแหลมเกินไป
-มีความเค็มเข้ามาตัด ทำให้กลมกล่อม
-วุ้นจะต้องไม่แข็งตัวไปและไม่นิ่มเกินไป
-มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกะทิ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราแนะนำว่าให้ปรับวิธีทำวุ้นกะทิตามความชื่นชอบของตนเอง เพราะนั่นจะทำให้วุ้นของคุณกลายเป็นวุ้นที่อร่อยถูกปาก ถูกใจคนทำนั่นเองค่ะ
สรุปท้ายบทความ และนี่คือวิธีทำวุ้นกะทิสูตรดั้งเดิม หากใครนำไปทำตามนี้ก็รับรองว่าจะได้ทานวุ้นกะทิที่เต็มไปด้วยความอร่อยกลมกล่อมตามแบบฉบับวุ้นดั้งเดิม ไม่ว่าใครได้ทานก็ต้องติดใจ เพราะเป็นรสชาติที่ใครๆ ก็ชอบ และเป็นวุ้นที่ทำทานเมื่อไหร่ ก็อร่อยไม่มีเบื่อเลยค่ะ…hotspotdesigner
ใส่ความเห็น